
บทความนี้และรูปภาพที่เกี่ยวข้องได้รับการอัปเดตเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2025 หลัง KAIST เข้าร่วมเป็นพาร์ตเนอร์โหนด APMC และเมื่อวันที่ 4 กันยายน 2025 เพื่อรวม UTEC เป็นอีกหนึ่งพาร์ตเนอร์ พร้อมปรับปรุงเนื้อหาอื่น ๆ
AMPC หรือ Anonymized multi-party computation ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้ว นี่คือระบบ Secure multi-party computation (SMPC) เจเนอเรชันถัดไปที่ออกแบบโดย World ซึ่งเป็นโอเพนซอร์สและป้องกันการเจาะระบบจากควอนตัม AMPC จะเข้ารหัสและปกป้องข้อมูลชุดรหัสตัวเลขของผู้ถือ World ID ที่ยืนยันความเป็นมนุษย์ที่ไม่ซ้ำใครด้วย Orb พร้อมทำให้ข้อมูลชุดนี้อยู่ในรูปแบบไม่เปิดเผยตัวตนหรือไม่สามารถระบุย้อนกลับไปหาเจ้าของได้ ระบบนี้ใช้ NVIDIA H100 เป็นแพลตฟอร์มประมวลผลหลัก (GPU) สามารถเปรียบเทียบความไม่ซ้ำกันระหว่างข้อมูลได้สูงสุดถึง 50 ล้านคู่ต่อวินาที
AMPC ยังเพิ่มการปกป้องความเป็นส่วนตัวอีกขั้นด้วยการไม่ต้องเก็บรหัสตัวเลขที่ได้มาจากม่านตา และไม่ใช้ค่าระยะ Hamming distance แบบ plaintext ระหว่างกระบวนการยืนยันความเป็นมนุษย์ นอกจากนี้ยังดำเนินงานร่วมกับหน่วยงานภายนอกที่เป็นที่รู้จักในวงกว้าง เช่น Nethermind, the University of Erlangen-Nuremberg (FAU) และ UC Berkeley Center for Responsible Decentralized Intelligence (RDI) พร้อมด้วยสถาบันอีกสองแห่ง ได้แก่ Korea Advanced Institute of Science and Technology (KAIST) และ University of Engineering and Technology in Peru (UTEC) ที่จะเข้าร่วมเครือข่ายเร็ว ๆ นี้ ปัจจุบัน AMPC ดำเนินการโดยองค์กรอิสระที่น่าเชื่อถือเหล่านี้เท่านั้น โดยทั้ง World Foundation และ Tools for Humanity ไม่ได้มีบทบาทหรืออำนาจเกี่ยวข้องในระบบ AMPC
มาตรฐานใหม่ด้านความเป็นส่วนตัวและประสิทธิภาพ
World Foundation ร่วมกับ TACEO, Inversed Tech, Modulus Labs และ Automata ยกระดับการปกป้องความเป็นส่วนตัวไปอีกขั้นให้กับการยืนยันความเป็นมนุษย์ที่ใช้ไบโอเมตริกซ์นี้ ด้วยการเปิดตัว AMPC
เช่นเดียวกับเวอร์ชันก่อนหน้า AMPC ผสานโปรโตคอลการคำนวณแบบหลายฝ่ายเข้ารหัส ( Cryptographic multiparty) ที่ล้ำสมัยและพัฒนาวิธีการที่ล้ำหน้าอยู่แล้วนี้ให้ดียิ่งขึ้น เพื่อให้มั่นใจว่า รหัสม่านตาจะไม่มีหลุดหรือรั่วไหลออกจากอุปกรณ์ของผู้ใช้ ด้วยการประมวลผลข้อมูลม่านตาด้วยการเข้ารหัสโดยตรงภายในเครื่อง Orb ทำให้เป็นข้อมูลนิรนาม และแยกเป็นชิ้นส่วนย่อยที่เข้ารหัส แต่ละโหนดของระบบ AMPC จะได้รับเพียง “บางส่วน” ของข้อมูลที่เข้ารหัสแบบ Secret share และ End-to-end encryption เท่านั้น
หนึ่งในจุดพัฒนาใหญ่ของ AMPC คือวิธีเปรียบเทียบความคล้ายกันของข้อมูล โดยในเวอร์ชันก่อน ระบบใช้ค่าระยะ Hamming distance แบบ plaintext เพื่อแจ้งผลในกระบวนการลงทะเบียน แต่ใน AMPC จะเปิดเผยเพียงผลลัพธ์แบบ Binary เท่านั้น — ว่า “ตรงกันหรือไม่” วิธีนี้ช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัวได้อย่างมาก
นอกจากนี้ Iris mask ซึ่งใช้กรองสัญญาณรบกวนและเน้นคุณลักษณะที่เกี่ยวข้องของม่านตาให้โดดเด่นระหว่างการยืนยันด้วยไบโอเมตริกซ์ ต่อไปนี้ก็ถูกแชร์แบบลับ (Secret shared) ด้วยเช่นกัน ทำให้มั่นใจว่า Mask เหล่านี้จะ ไม่ปรากฏใน plaintext ไม่ว่าจะขั้นตอนใดก็ตาม สถาปัตยกรรมนี้ช่วยให้ไบโอเมตริกซ์ของผู้ใช้ปลอดภัย มีความเป็นส่วนตัว และไม่สามารถระบุตัวตนได้ ตลอดทั้งกระบวนการ

ใช้ฮาร์ดแวร์ระดับไฮเอนด์เพื่อประสิทธิภาพที่เหนือกว่า
เพื่อให้รองรับปริมาณการประมวลผลจำนวนมากสำหรับการยืนยันด้วยไบโอเมตริกซ์ในระดับโลก AMPC ใช้ GPU เป็นแพลตฟอร์มการประมวลผลหลัก โดยโปรโตคอลของ AMPC ได้รับการพัฒนาเต็มรูปแบบด้วย NVIDIA CUDA สามารถประมวลผลการเปรียบเทียบความเหมือนของข้อมูลได้ประมาณ 50 ล้านคู่ต่อวินาที
แต่ละ Compute node ใช้ AWS p5.48xlarge instance ซึ่งมี NVIDIA H100 GPU ทั้งหมดแปดตัว โดยให้แบนด์วิดท์สูงถึง 3200 Gbps ผ่าน Remote Direct Memory Access (RDMA) และให้พลังประมวลผลสูงถึง 20 exaflops คุณสมบัติระดับนี้ทำให้ระบบสามารถรองรับผู้ใช้ที่ยืนยันความเป็นมนุษย์ที่ไม่ซ้ำใครด้วย Orb มาแล้วเกือบ 7 ล้านคน รวมถึงการใช้งานในช่วงที่มีโหลดสูงสุดได้อย่างไร้ปัญหา
ไม่เพียงแค่การตรวจสอบความไม่ซ้ำกันเท่านั้น แม้แต่การเปลี่ยนผ่านจาก SMPC ไปเป็น AMPC ก็ถูกออกแบบมาโดยคำนึงถึงความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวในระดับสูงสุดด้วย กระบวนการเปลี่ยนผ่านนี้มีการเปลี่ยนแปลงวิธีการจัดการข้อมูลแบบ Cryptographic secret sharing และยังคงใช้ SMPC เป็นฐานทั้งหมด ซึ่งหมายความว่าจะไม่มีการประมวลผลหรือเปิดเผยข้อมูลไบโอเมตริกซ์ใด ๆ ระหว่างการอัปเกรด ทั้งหมดนี้เพื่อให้แน่ใจว่า ความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ยังคงได้รับการปกป้องในทุกขั้นตอนของการเปลี่ยนผ่าน
แนวทางการทำให้เป็นระบบ Decentralization และโปร่งใส
AMPC ถือเป็นก้าวสำคัญในการมุ่งสู่ระบบกระจายศูนย์ (Decentralization) และความโปร่งใส
World Foundation ร่วมมือกับ Nethermind บริษัทวิศวกรรมและวิจัยด้านบล็อกเชนที่ได้รับความไว้วางใจในระดับสากล เพื่อจัดการฐานข้อมูลอิสระที่ใช้เก็บข้อมูลที่ผ่านการทำให้ไม่สามารถระบุตัวตนได้ ผู้ดำเนินการอิสระรายอื่น ๆ ได้แก่ Friedrich-Alexander-Universität Erlangen-Nürnberg ในเยอรมนี, UC Berkeley Center for Responsible Decentralized Intelligence (RDI) ในสหรัฐฯ, Korea Advanced Institute of Science and Technology (KAIST) และ University of Engineering and Technology in Peru (UTEC)

โครงสร้างนี้ช่วยให้ระบบสามารถกระจายศูนย์ได้ทั่วโลก เพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีองค์กรใดสามารถเข้าถึงข้อมูลไบโอเมตริกซ์ของผู้ใช้ได้เลย
และเพื่อส่งเสริมการร่วมตรวจสอบและดูแลจากคอมมูนิตี้อย่างแท้จริง World ได้จัดตั้งคณะกรรมการกำกับดูแล (Governance board) ซึ่งประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญอิสระจากภายนอกในแต่ละสาขา คณะกรรมการนี้จะประสานงานและให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการอัปเดต ตรวจสอบความรับผิดชอบ และดูแลกระบวนการเชิญหน่วยงานหรือบุคคลภายนอกในการเข้ามามีบทบาทที่เกี่ยวข้องกับ Compute node ในระบบ AMPC
การขยายการเติบโตเพื่อรองรับอนาคต
แผนพัฒนาระยะถัดไปของ AMPC มาพร้อมการปรับปรุงหลายด้าน เพื่อให้ระบบสามารถขยายตัวรองรับการเติบโตในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ การพัฒนาเหล่านี้ยังช่วยลดความต้องการด้านการประมวลผล (Compute requirements) ซึ่งจะเปิดโอกาสให้บุคคลภายนอกรายใหม่สามารถเข้าร่วมเครือข่ายได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนา Trusted execution environments (TEEs) เพื่อลดโอกาสถูกแทรกแซงหรือเจาะข้อมูลในฝั่งผู้ดำเนินการ AMPC ในฐานะพันธมิตรที่เชื่อถือได้
เช่นเดียวกับระบบเวอร์ชันก่อน AMPC ยังคงเป็นโอเพนซอร์ส ความโปร่งใสคือหัวใจของเทคโนโลยีที่ปกป้องความเป็นส่วนตัวโดยสมบูรณ์และเราขอเชิญชวนคอมมูนิตี้ให้เข้ามาตรวจสอบโค้ด มีส่วนร่วม และต่อยอดการพัฒนาไปด้วยกัน
สู่ระดับความเป็นส่วนตัวแบบที่ไม่เคยมีมาก่อนในระบบไบโอเมตริกซ์
AMPC ไม่เพียงแต่เป็นหนึ่งในระบบที่ใช้ SMPC ขนาดใหญ่ที่สุดที่ใช้งานจริงเท่านั้น แต่ยังบุกเบิกแนวทางใหม่ด้วยการใช้ GPU ระดับสูงเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพอย่างมีนัยสำคัญ เทคโนโลยีเหล่านี้ได้กำหนดมาตรฐานใหม่ด้านความเป็นส่วนตัว ความปลอดภัย และความสามารถในการเติบโตของระบบ พร้อมทั้งยกระดับมาตรฐานของการยืนยันความเป็นมนุษย์แบบไบโอเมตริกซ์ให้ก้าวหน้าไปอีกขั้น
เราภูมิใจอย่างยิ่งกับพัฒนาการที่ AMPC ได้แสดงให้เห็นและตื่นเต้นกับผลกระทบด้านบวกที่ระบบนี้จะมีต่อ
การปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ พร้อมรองรับการยืนยันความเป็นมนุษย์ที่ไม่ซ้ำใครด้วยไบโอเมตริกซ์ในระดับโลก เรายังขอขอบคุณผู้ร่วมพัฒนาและผู้เชี่ยวชาญในหลากหลายสาขาที่ร่วมกันทำให้การอัปเกรดครั้งนี้เกิดขึ้นได้จริงด้วย
สำหรับข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับเทคนิคที่ใช้ใน AMPC กรุณาศึกษาเพิ่มเติมจากบทวิจัย Large-Scale MPC: Scaling Private Iris Code Uniqueness Checks to Millions of Users
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ
เนื้อหาข้างต้นเป็นเพียงข้อมูล ณ วันที่ระบุไว้เท่านั้น นอกจากนี้เนื้อหาอาจมีความเสี่ยง ความไม่แน่นอน และสมมติฐานจึงอาจไม่ถูกต้องและอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า คุณสามารถอ่านคำปฏิเสธความรับผิดฉบับเต็มได้ในข้อกำหนดการใช้งาน และอ่านข้อมูลสำคัญสำหรับผู้ใช้ได้ที่หน้าความเสี่ยง